AROWANA's Bride Ch.7 Cut Scene
เพียงแค่อยากรับรู้...ไม่ว่าตลอดบทลงโทษจะเฝื่อนขม หรือแสนหวานเช่นไร...
“อือ...อื้ม...” มนุษย์น้อยครางผะแผ่วในลำคอ ริมฝีปากถูกดูดดึงเอาอกเอาใจ ก่อนปลายลิ้นสากจะรุกไล่เข้ามากวาดต้อนน้ำหวานภายใน มนุษย์ตัวน้อยก็คอพับคออ่อน เอียงองศาตอบรับอย่างว่าง่าย และคล้ายจะทำให้พญาปลาพอใจ จึงส่งเสียงฮึมฮำในลำคอเช่นกัน
“อ...อื้อ อ...”
เวลาต่อมาเสียงครวญครางสั่นเครือ เมื่อสัมผัสอุ่นแตะทับมือตนที่ปิดป้องของสงวนไว้ ปลายนิ้วแตะไต่ลากไล้ตามหลังมือน้อย ก่อนล้วงเข้าไปช่วงชิงสัมผัสแนบชิดซึ่งมีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น เกิดเสียงครวญครางระทดระทวย ขณะร่างกระจ้อยร่อยโอนอ่อนตามแรงชักจูง
ในซุยเง็งนี้มีพญาปลาเป็นผู้นำพาสองร่างให้แหวกว่าย ร่างน้อยค่อย ๆ ถูกไล่ต้อนจนชิดขอบซุยเง็ง เมื่อจัดท่าให้เข้าที่แล้วไคจึงผละจากจุมพิต แล้วเคลื่อนฝีปากลงไปตอดเม้มช่วงลำคอ มืออีกข้างยังว่างเขาใช้ปรนนิบัติเรือนร่างที่ร้อนรุ่มดังไฟ
“ไม่ถอด?” ผละออกมาสบตาและเอ่ยถามเมื่อคายงยกมือปัดป้อง
คายงเม้มปากแน่น เวลานี้แสนอับอายแต่ร่างกายกลับปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายทำได้เพียงกลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วทิ้งมือลงข้างตัว
ยามฝ่ามือใหญ่แตะต้อง ละอองแสงหลุดจากเสื้อผ้า ชุดนอนขาวสะอาดละลายหายไปจนปรากฎร่างเปลือยเปล่า ผิวขาวกระจ่างเผยพ้นจากจากน้ำสีมุกเพียงระดับอก ร่างผอมกร่องแสนเปราะบางอาจเย้ายวนพญาปลาให้ใจสั่นไหว หากแต่ต้องละความสนใจเมื่อรู้สึกว่ามีเศษกรวดร่วงลงพื้นใต้ล่าง กลิ้งมากระทบปลายเข่า
“ท่านคายงเก็บกรวดไว้ในชุดทำไมขอรับ?”
“เอะ..เอ่อ.....”
“ฮื้ม?”
คายงไม่อยากตอบสักเท่าไร แต่เมื่อถูกสายตาดุดันคาดคั้นจึงยอมเปิดเผยความจริง “ตอนท่านไคกับท่านคุริสึสู้กัน ก..กระผม จะฝ่าวงล้อมไปห้ามท่าน แต่พายุแรง...เลยขุดเอาหินมา ถะ...ถ่วง ตัว...ขอรับ”
“........” ตาสีครามเขม่นมองอยู่ครู่ ก่อนเวลาต่อมาหัวคิ้วจะกระตุกวาบรีบจับสองมือเล็กขึ้นมาตรวจสอบดู จึงเห็นปลายนิ้วมีแผลถลอกเป็นหลักฐานยืนยันว่าจริง
“แต่ตอนที่จะเดิน...เข้าไป มี หะ...หิน...หลุดปลิวไป...ขวดยา ก็..ก็ไปด้วย มันก็เลย...”
“โธ่...ท่านคายง” แววตาดุดันสลดลง ไคก้มหน้าลงจุมพิตปลายนิ้วที่เป็นแผลถลอก ร่างน้อยสะดุ้งเฮือกไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะอารมณ์วูบไหวที่กำเริบ
“เช่นนั้นคงเป็นโชคดีที่จบเรื่องได้ก่อน กระผมเจ็บเพียงแค่นี้เดี๋ยวเดียวก็หาย แต่หากท่านสุ่มเสี่ยงเข้ามาขัดขวางจริงคงเจ็บสาหัส...กระผมคงใจสลายแน่นอน”
“ท่านไค...” ดวงหน้าเล็กโน้มเอียงลงระดับเดียวกันเพื่อสบมองตา “ก...กระผมขอโทษ...”
ราวกับมีมนต์วิเศษ...เยียวยาจิตใจที่ห่อเหี่ยวให้พองฟูได้ นัยน์ตาสีครามทอดมองเจ้าของสีหน้าละห้อย แล้วไคค่อย ๆ ผลิรอยยิ้มละไม...ค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าใกล้...ประทับจุมพิตแผ่วเบา
“กระผมจะโกรธท่านคายง...ได้นานสักเท่าไร?”
เคลื่อนเข้าใกล้...แล้วจุมพิตอีกครั้ง...อย่างเง้างอน
“แต่ช่างน่าน้อยใจที่ท่านคิดหนีกระผมไป ทั้งที่กระผมอุตส่าห์เฝ้ารอสัญญา 14 วันของเรา”
“ก..ผม ข..ขอโทษ”
เคลื่อนเข้าใกล้...แล้วจุมพิตอีกครั้ง...อย่างเว้าวอน
“กระผมจะต้องลงโทษให้ท่านหลาบจำนะขอรับ”
คายงเม้มปาก ทิ้งช่วงสนทนาไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบ
“ท่าน...ชะ...ขะ...บ..”
“...?” หากก็กระท่อนกระแท่นจนฟังไม่ได้ศัพท์ ไคจึงต้องเงี่ยโสตประสาทฟังใกล้ ๆ
“ช...เชิญ...ขอรับ”
คำตอบสั้นกระชับ หากกลับอัดฉีดลมเข้าหัวใจพญาปลาจนพองโต ความตื่นเต้นแสดงออกผ่านครีบขวาที่สะบัดโบกระริกระรี้ นัยน์ตาสีครามทอดมองคายงเต็มไปด้วยความรักใคร่ ทั้งกัดปากทั้งอมยิ้มเสียจนแก้มปริ
ฝ่ายมนุษย์น้อยยังคงมองตาละห้อยไม่รู้อะไร ว่าตัวเองกำลังแสดงท่าทีน่าเอ็นดูมากเพียงใด ไคจึงประคองใบหน้าเอนเอียงให้กลับมาตั้งตรง ก่อนกดสันจมูกสูดกลิ่นหอมหอมข้างแก้มนิ่มเสียงดังฟอด
“จากนี้ไป ต้องเชื่อฟังนะขอรับ”
เสียงกระซิบหยอกกระเซ้า ก่อนจะเติมเชื้อไฟด้วยจุมพิตอ่อนหวาน ละอองแสงหลุดร่วงเป็นกระจุกก้อน ไม่นานนักร่างสูงใหญ่เปล่าเปลือยไม่ต่างกัน สองร่างตระกองกอดก่าย ริมฝีปากบดเบียดและดูดดึง เปลี่ยนรสหวานกลายเป็นเผ็ดร้อนโดยไม่คิดคำนึงว่าเนื้อนิ่มจะชอกช้ำเพียงใด
“อ..อื้อ...” ปากอิ่มเผยอครางผะแผ่ว เมื่อฝีปากไคเคลื่อนลงไปตอดเม้มลำคออย่างหิวกระหาย ฝ่ามือส่งไออุ่นลูบไล้ตามช่วงลำตัวผอมแห้งหมายปลุกเร้า นัยน์ตาสีครามผละจากดวงตากลมที่หลับพริ้ม เหลือบลงมองอกเล็กที่กระเพื่อมกระหืดกระหอบ จึงเห็นดอกไม้สีอ่อนหวานลอยปริ่มน้ำ กลีบดอกกลมคัดเต่งชูเกษรเม็ดเล็กโดดเด่นกลางเนินอกราบ ทั้งที่ไม่แตะต้องกลับตอบสนองมากถึงเพียงนี้ พญาปลาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเคลื่อนลงไปดูดดึงโดยคายงไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ! ท...ท่านไค อื้ออ!...” มนุษย์ตัวน้อยขบกรามแน่นสะกดอารมณ์วาบหวาม ทว่าฝีปากปลายิ่งตอดหนักจนลมหายใจขาดเป็นช่วง คายงเชิ่ดหน้าขึ้นสูดปากสูดคอราวกับทานของเผ็ดร้อน ครั้นแล้วจึงก้มลงซบเรือนผมสีเงิน กดริมฝีปากปิดกั้นเสียงครางไว้ในลำคอ
และช่วงจังหวะที่คู่ตากลมทอดมอง ไคเองเหลือบตาขึ้นสบมองต้องกันแล้วยิ้ม แรงปรารถนาเป็นดังภูเขาไฟเดือดปะทุ สุดท้ายมันระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
“ท่านไค...ท่านไค...” คายงเผยอปากมองตาละห้อย ไคสังเกตท่าทีกระสับกระส่ายจึงดึงร่างน้อยเข้ามากอด ฝ่ามือเคลื่อนสำรวจใต้น้ำสีมุก ตรวจสอบหาจุดที่ต้องการให้ดูแล
“อึ๊ก!!”
ปลาหนุ่มลอบยิ้มเมื่อผลลัพธ์เป็นไปตามคาด...จีบเนื้อในร่องแคบนั้นกำลังเต้นตุบตับ ยิ่งมือขยับปลายนิ้วแฉลบไปมา ร่างน้อยก็กระตุกเฮือกร้องเสียงหวาน
“ท่านคายงอย่าลืม...นี่คือบทลงโทษ” เสียงละมุนกระซิบแผ่ว ก่อนพลิกร่างน้อยให้หันเข้าหาขอบซุยเง็ง จับมือซ้ายคายงเกาะขอบไว้ ตัวเองนั่งประกบฝั่งซ้ายเช่นกัน
“ท...ท่านไค...” ตากลมสบมองสั่นระริก สลับกลอกกลิ้งลงมองเบื้องหลัง ที่มือขวาของตนถูกไคจับไปสอดเข้าร่องเนื้อนั้น
“อึ้ก...ท่าน..ไค...อ๊ะ...” ปากอิ่มเผยอออก หายใจขาดห้วงเมื่อไคจับปลายนิ้วสั้นป้อมให้สอดเข้าช่องทางของตนเอง หน้าเขาร้อนฉ่าด้วยความอับอาย ยิ่งได้รับรู้ว่าในกายบีบรัดอย่างตื่นเต้นเพียงไรยิ่งอับอายเป็นเท่าตัว
“อ๊ะ...อ๊ะ...อะ อื้อ! ฮื่อ!” หลุดเสียงร้องเมื่อถูกบังคับให้ขยับเข้าออก เพียงนิ้วเดียวต้องโอดครวญอย่างทรมาน คายงก้มหน้าลงซบแขนพยายามอดทนโดยมีปลาอีกตนคอยประทับจูบตามเรือนผมปลอบประโลม จนผ่อนคลายแล้วไคจึงสอดนิ้วตนเองเข้าไปเสริม
“อ๊ะ!!...อ...อ๊า!...” เสียงหวานหวีดร้องด้วยความตกใจ ขณะที่ไคหัวเราะแผ่วและระดมจูบอย่างรักใคร่ ก้านนิ้วเคลื่อนเข้าออกในช่องทางโดยเร็ว บางทีก็หมุนวนตามหาจุดก่อเกิดความหฤหรรษ์ คายงสะดุ้งตัวเป็นพัก ๆ แต่ไม่ยักปลดปล่อยได้เสียที ได้แต่ร่อนสะโพกอย่างเสียวกระสัน จนเวลาล่วงผ่านไป จะต้องโทษยาพิษร้ายหรือไร ร่างน้อยจึงปรารถนาอะไรที่มากขึ้น
“ท่านไค...ท่านไค...”
อีกระลอกที่เสียงหวานเรียกขาน เจ้าของเรียงนามทอดมอง แม้สีหน้าคายงจะเย้ายวนใจเพียงไรผู้เป็นใหญ่กลับสะกดอารมณ์ไว้ เพราะนี่คือบทลงโทษ จึงแสร้งถามท่าทีหยอกเย้า “ท่านคายง ต้องการสิ่งใดขอรับ?”
ยิ่งคายงปิดปากเงียบเพราะอับอายเกินกว่าจะพูด ไคเห็นท่าทีก็ยิ่งชอบใจ และยิ่งแหย่กระเซ้า “นี่คือบทลงโทษ กระผมจะไม่บริการท่าน อยากได้อะไรท่านต้องพูด ต้องขอด้วยตัวเอง”
“........”
“ท่านคายง ต้องการสิ่งใดขอรับ?”
คายงสะอึกสะอื้น เม้มปากแน่นก่อนกลั้นใจเอ่ยคำตอบเสียงค่อย
“ท่านไค...”
“สิ่งใดนะขอรับ?
“ท่านไค...ขอรับ”
คล้ายว่าเสียงเรียกขานกลับกลายเป็นคำตอบที่น่าพอใจ ส่งผลให้พญาปลาชอบใจ ใบหน้าเปื้อนยิ้มโน้มลงดูดดึงกลีบปากบวมช้ำอีกครั้ง ค่อย ๆ ถอนนิ้วออกช้า ๆ พลิกตัวเองพิงขอบซุยเง็ง รั้งร่างอ่อนปวกเปียกมานั่งซ้อนตัก ขยับปรับท่าทางเล็กน้อยให้อกแนบชิดแผ่นหลังเล็ก
“ท่านคายง นิ่ง ๆ นะขอรับ” กระซิบเสียงแผ่วก่อนประคองสะโพกเล็กยกขึ้น คายงใจเต้นระส่ำยามเมื่อเรือนกายร้อนจดจ่อประชิด ปากทางขมิบหดคลายอย่างตื่นเต้น
“อ้ะ...”
ลมหายใจขาดห้วงไปเมื่อไคค่อย ๆ ประคองให้หย่อนสะโพกลง กลืนกินสัดส่วนแข็งขืนและรุ่มร้อน ปากอิ่มอ้าพะเงิบพะงาบ อกสะท้อนหายใจหอบแรง
“อืม...” พญาปลาก่นคำรามในลำคอ อดทนต่อแรงโอบล้อมซึ่งบีบรัดแน่นอย่างตื่นตระหนก จนรุกล้ำเข้าไปได้สุดแล้วยังคงปล่อยมนุษย์ตัวน้อยนั่งนิ่ง และแช่ทิ้งไว้จนคายงหันหน้าเลิ่กลั่ก กระสับกระส่าย
“ท่านคายง นี่คือบทลงโทษ ท่านต้องช่วยเหลือตัวเองนะขอรับ”
“เอ๊ะ?!...”คายงสะดุ้งเฮือก ไคอมยิ้มก่อนประคองสองมือเล็กไว้
“ไม่ยากขอรับ แค่ยกขึ้น...ขย่มลง...” กระซิบยั่วยุข้างหู “จะให้ดี ก็ขย่มแรง ๆ”
คายงสะอื้นไห้ ส่ายหน้าไหว ๆ เพราะไม่อยากทำ ทว่าเบื้องล่างที่ปวดระบมทั้งหน้าหลังเป็นปัจจัยบีบบังคับ หากไม่ขยับคงไม่อาจปลดปล่อยได้
ท้ายสุดแล้วตากลมจึงข่มลง ค่อย ๆ ยกตัวขึ้น ปากทางกระชับแน่นครืดผ่านความยาวไปทำให้เกิดความหวาดเสียวจนร้องโอดครวญ พอกดตัวลงก็หายใจออกสั่นสะท้าน การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะท่วงท่าที่ไม่คุ้นเคย
“อ๊ะ!..” จนที่สุดแล้วความอดทนของไคหมดสิ้นลง จึงช้อนใต้ข้อพับเข่า รวบสองขาเล็กเข้าชิดกัน ส่งผลให้ร่างเล็กเอนหลังพิงอกแกร่งโดยอัตโนมัติ แล้วไคจึงสวนสะโพกขึ้นสอดกระแทกโดยแรง
“อ้ะ...อึ๊ก...อ๊ะ...อ๊ะ!...” จังหวะกลาง ๆ ไม่เร็วไม่ช้า แต่เน้นย้ำล้ำลึก คายงร้องโอดครวญทรมานเกาะแขนไว้พยายามหยัดตัวแต่ก็ไม่ไหว อีกยังน่าสลดทดท้อกับส่วนหน้าบวมตึงไม่ทีท่าทีจะบรรเทาลงสักนิด ศีรษะน้อยเอนลงซบข้างซอกคอผู้เป็นใหญ่อย่างอ่อนระทวย
“อื้อ...อื้มม...” กระนั้นแล้ว เมื่อใบหน้างดงามโน้มมาจูบก็เผยอปากรอ ลิ้นเล็กโอนอ่อนตามเกมอย่างว่าง่าย
“ท่านไค...อ๊ะ...ท่านไค...” และวนกลับมาขานเรียกเสียงหวานอีกระลอกหลังจากริมฝีปากงามผละจากไป เจ้าของเรียงนามฮำเสียงหัวเราะในลำคอ
“หากกระผมให้ท่านรู้สึกดี แล้วจะเรียกว่าลงโทษได้อย่างไร?”
ไคกระซิบ แล้วจับเรียวขาเล็กแยกออกกว้าง
“เอ๊ะ!?!”
ขยับเข้าลึกขึ้น เร่งเร็วขึ้น
“ม...อ๊ะ! ไม่เอา...แบบนี้!...” คายงโอดครวญ ส่ายหน้าระริก
“ทำไมไม่เอาแบบนี้ ฮื้ม?”
“ก..ผม...อาย...”
“อายใครขอรับ?”
หน้าหวานบิดเบี้ยวเหยเก กล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “ซ..ซุย เง็ง...”
“อ้อ...ท่านคายงอายซุยเง็งที่รู้เห็นเป็นพยาน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราร่วมสมสู่กันในคืนนั้นนะหรือขอรับ?”
“ฮึก....” มนุษย์หนุ่มยกสองมือขึ้นปิดป้องหน้า ตรงข้ามกับพญาปลาหัวเราะชอบใจ และตอบแทนด้วยการเร่งจังหวะสอดใส่รวดเร็วขึ้น หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สายตาทอดมองร่างเล็กสั่นคลอนจากแรกกระทบกระทั่ง ฝีปากจัดจ้านยังพร่ำถามคำถามลามกอย่างต่อเนื่อง
“ท่านคายง...รู้สึกดีไหมขอรับ?”
“กระผมว่าท่านคงชอบมาก ถึงได้ตอดรัด..อ่า...ขนาดนี้”
“หวาดเสียวดี...ใช่ไหมขอรับ?”
นี่คือบทลงโทษ ต้องกลั่นแกล้งให้อับอาย ไคค่อนข้างถูกใจปฏิกิริยาของคายงเวลาอาย มนุษย์น้อยไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งปากพร่ำคำปฏิเสธ ร่างกายกลับตอบสนองและเรียกร้องเพิ่ม ยิ่งเป็นการสุมเชื้อไฟให้ลุกโชน เกิดความต้องการกลั่นแกล้งมากยิ่งขึ้น
แต่แล้วจู่ ๆ เหยื่อตัวน้อยกลับบิดเอี้ยวตัวมา สองแขนเล็กสั่นเทิ้มกอดรัดรอบคำคอ ใบหน้านองน้ำตาซบลงสะอึกสะอื้นร้องไห้จนตัวโยน
“ท่านไค...ฮึก..ฮือ...ท่านไค...”
แม้เป็นใหญ่ที่สุดในไอโยะ ทว่ากลับหวั่นไหวต่อเสียงนี้...เสียงร้องไห้ของคายงระงมก้องในโสตหู ความรู้สึกคล้ายถูกอาวุธโจมตีอย่างต่อเนื่อง
“ท่านคายง...ขี้โกง” สันกรามแกร่งขบเคี้ยวดังกรอด ๆ สุดท้ายต้องมาพ่ายแพ้แก่ใจตนนั่นเอง
“อ้ะ...อ๊าา...” คายงตัวสั่นเทิ้มยามเมื่อถูกประคองตัวให้หมุนกลับเข้าหาร่างสูงใหญ่ ทั้งที่สิ่งนั้นยังคาอยู่ เรือนกายร้อนยังไม่หลุดไปจึงเกิดแรงเสียดสีให้หวาดเสียวไปทั่วช่องท้อง
แล้วจังหวะร่วมรักจึงเริ่มขยับเขยื้อนใหม่ ร่างบอบบางถูกโอบกอดไว้อย่างแนบแน่น ท่วงทำนองบรรเลงไปโดยธรรมชาติ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่กลับสร้างความรู้สึกหฤหรรษ์มากมายยิ่งกว่า ยามนี้ไม่มีคำพูดกลั่นแกล้งใด ๆ อีกแล้ว มีเพียงจุมพิตอ่อนหวานป้อนให้ดังใจปรารถนา
และช่วงเวลานี้เองที่คายงคล้ายได้สติกลับคืน หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักระทึก เมื่อสายตาเหลือบมองเลยจากใบหน้าคมคายไป มองเห็นแผลตรงครีบหูข้างซ้ายนั้นมันยังไม่สมานตัวดี ยังมีเลือดสีน้ำเงินซึมออกมานิด ๆ พอนึกย้อนความจำ...จำได้ว่าก่อนหน้านี้ไคใช้น้ำจากซุยเง็งบรรเทาอาการบาดเจ็บ มือน้อยจึงละจากบ่ากว้างลงไปวักน้ำซุยเง็งขึ้นมาประคบลงตรงรอยแผลเบา ๆ
“!?!”
แต่นั่นทำให้ไคก็สะดุ้งเกร็ง ฝ่ามือใหญ่บีบเอวเล็กแน่นแล้วกดลงรับแรงสวนสะโพกอย่างหนักแน่น
“อึ้ก!?!...อ๊าา า!!” คายงหวีดร้องด้วยตื่นตกใจเมื่อจู่ ๆ ส่วนแข็งแกร่งได้ฉีดพ่นไอร้อนระอุออกมามากมาย จนอัดแน่นเต็มในช่องทาง ความวาบหวามแล่นปราดจากทั้งตัวมากระจุกรวมที่ส่วนอ่อนไหว ผวากอดไคแล้วกระตุกกายปลดปล่อยออกมาตามกัน
เสียงหอบหายใจดังปะปน จากหอบหนักค่อย ๆ ผ่อนลงพร้อมสติสัมปชัญญะหวนกลับคืน เวลานี้เองที่มนุษย์ตัวน้อยเพิ่งรู้ตัว ว่าตลอดกิจกรรมตนไปสู่ฝั่งฝันโดยไม่ได้จับต้องส่วนหน้าเลยสักนิด ก็ยิ่งก่อเกิดความอับอายจนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง
“อ...อื้อ...” มือเล็กกำหมัดแน่น ขบกรามข่มเสียงไว้ในลำคอเมื่อร่างกายยังรับรู้...ส่วนนั้นของไคยังฝังอยู่ แม้ปลดปล่อยแล้ว อ่อนแรงลงแล้ว กลับไม่ยอมผละจากไป มิหนำซ้ำยังโอบประคองบั้นเอวของเขาให้แนบชิดอยู่อย่างนี้
“ท่านไค...” จำต้องเงยหน้าขึ้นสบมอง คำถามแสดงออกผ่านหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ใบหน้างดงามของไคผุดพรายยิ้มเจือจาง
“ก่อนหน้านี้กระผมก็มอมเมาจนไม่ได้สติ แต่ในภวังค์ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากท่าน...จะเป็นไปได้ไหม...ว่าในตอนนั้นท่านคิดถึงกระผมจริง ๆ”
“ตอนนั้น...อ้ะ!” คายงไม่ทันตอบไคกลับเริ่มคลอนสะโพกใส่ ไม่นานนักสัดส่วนที่อ่อนแรงค่อย ๆ เกร็งขึง เติบโตขยับขยาย หนุ่มชาวบ้านก้มหน้าลงพักพิงเหนือไหล่กว้าง โอดร้องผะแผ่วอย่างอ่อนเพลีย
กระนั้นแล้ว...ไม่นานสะโพกมนค่อย ๆ ตอบสนอง...และสนอง...มากยิ่งขึ้น
“อื้อ...อึ้ก...ฮื่อ...”
“ท่านพี่คิดจะมีทายาทร่วมกับท่านคายง จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“อ้ะ...อื้อ...”
“ที่ซุยเง็งแห่งนี้....ไม่มีทางเป็นไปได้...หากปราศจากหัวใจที่สามัคคีกัน”
และขณะที่ค่อย ๆ ขบคิดตามอยู่นั้น จังหวะสอดประสานอ่อนเพลาลง ไคจับมือเขาไว้นำไปทาบอก นัยน์ตาสีครามสบมองละห้อย
“แล้วกระผมควรต้องทำเช่นไร...ให้หัวใจเราสองสามัคคีกัน?”
“........”
“กระผมต้องทำเช่นไร จึงจะผูกมัดท่านไว้ได้?”
“........”
“ท่านคายง...”
ดวงตากลมโตสั่นระริก ทอดมองสีหน้าสลดท้อ ไคไม่ยอมเอ่ยถามคำถามถัดไปทว่าคายงกลับคาดเดาได้ราวกับมีเสียงพร่ำพูดก้องภวังค์
'อยู่ที่นี่ได้ไหม?'
'ไม่หนีไปไหนได้ไหม?'
อาจเพราะกลัวจะไม่ได้รับคำตอบ ผู้ปกครองไอโยะจึงเลือกปิดปากเงียบ และกระชับอ้อมกอดแน่น
“รักท่าน...กระผมรักท่าน...รักท่านคายงเหลือเกิน...”
ถ้้อยคำบอกรักพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าครั้งนี้มีสิ่งที่แตกต่างไป...
นั่นคือปฏิริริยาจากหัวใจ...ที่เต้นระทึก...และตื้นตัน
“ก...นี่...”
“...?” พญาปลาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเพียงบางเบา...เบามากจนจับศัพท์ไม่ได้ จึงต้องเงี่ยโสตประสาทรับฟังอีกรอบ
“กระผม...จะอยู่...ที่นี่...
กับ..ท่าน...”
จบถ้อยวาจาสั้น ๆ แล้วกลีบปากฉ่ำเคลื่อนเข้ามาใกล้ พญาปลาไอโยะเบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง และยิ่งอึ้งเมื่อลิ้นเล็กเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ยามต่อมาเมื่อสองสายตาสบประสาน...ก็ไม่มีการคำอธิบายใดอีก สองร่างเกาะเกี่ยว โอบกอดกันไว้แนบแน่น ขยับเคลื่อนกายเป็นจังหวะประสาน ใช้เวลาเพียงไม่นานบรรยากาศฉ่ำหวานแปรเปลี่ยนเป็นดุเดือด เผ็ดมัน
แล้วจึงเอนล้มลงจมหายไปใต้ซุยเง็ง จากตรงนี้มองไม่เห็นอะไรนอกเสียจากผิวน้ำสีมุกที่ตีคลื่นตามแรงขับเคลื่อนหนักหน่วงจากข้างใต้ และสะเก็ดละอองซึ่งส่องประกายวาบวาว ผุดลอยขึ้นเป็นดวงแสงเรืองรองในบริเวณนั้น...โดยไม่ทราบที่มา...